วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ไข้หวัดใหญ่

ข่าวคราวการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือ H1N1 ปรากฎให้เห็นมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 แล้ว แต่ยิ่งนับวันก็ยิ่งมีการรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดเกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศทั่วโลก ทำให้องค์การอนามัยโลกกังวลว่าไข้หวัดใหญ่ 2009 อาจจะสร้างความรุนแรงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก ทั้งนี้ประเทศแถบเอเชียใกล้ๆ บ้านเรา ก็มีรายงานผู้ติดเชื้อแล้วเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย รวมถึงประเทศไทย ดังนั้นโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป วันนี้กระปุกจึงนำเรื่องราวของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 มาบอกต่อเพื่อเป็นความรู้ค่ะ
สถานการณ์การแพร่ระบาดล่าสุด องค์การอนามัยโลกได้ประกาศเตือนภัยการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ระดับ 5 หมายถึง มีการติดต่อของเชื้อไวรัสจากคนสู่คน และแพร่ระบาดไปอย่างน้อยสองประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก รายงานว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั่วโลก ล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 12,954 รายแล้ว ใน 46 ประเทศ และมีจำนวนผู้เสียชีวิต 92 ราย ขณะที่ในประเทศเม็กซิโก มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 85 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 4,721 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 26 พฤษภาคม 2552)
รู้จักโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 โรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีชื่อเรียกในประเทศต่างๆ หลายชื่อ คือ ไข้หวัดเม็กซิโก, ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอชวัน เอ็นวัน 2009, ไข้หวัดใหญ่จากสุกร (Swine Influenza) เป็นต้น เป็นไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ ตามปกติมีการระบาดในหมูเท่านั้น สามารถพบได้ทั้งในหมูเลี้ยง และหมูป่า ซึ่งมีหลากหลายสายพันธุ์ ทั้ง H1N1, H1N2 และ H3N2 แต่บางครั้งหมูอาจมีเชื้อไข้หวัดอยู่ในตัวมากกว่า 1 ชนิด ซึ่งอาจทำให้เกิดการผสมกันของยีนได้ ทำให้เกิดเป็นไวรัสชนิดใหม่ที่สามารถข้ามสายพันธุ์มาติดต่อยังมนุษย์ได้ เริ่มต้นจากการสัมผัสกับหมูที่เป็นโรค สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่เริ่มแพร่ระบาดในประเทศเม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา ก่อนจะแพร่ระบาดไปหลายๆ ประเทศทั่วโลกนั้น เกิดจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ สายพันธุ์ เอช 1 เอ็น 1 (H1N1) ซึ่งเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของคน และไม่เคยพบมาก่อน เนื่องจากเป็นการผสมกันของสารพันธุกรรมไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์, ไข้หวัดนกที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ และไข้หวัดหมูที่พบในทวีปเอเชีย และยุโรป ทำให้องค์การอนามัยโลกต้องเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 เนื่องจากหวั่นวิตกว่า เชื้อ H1N1 อาจจะกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ที่อันตรายยิ่งขึ้น
วิวัฒนาการไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ก่อนที่ไข้หวัดหมูดั้งเดิมจะกลายพันธุ์เป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 นั้น ไข้หวัดหมูสายพันธุ์ดั้งเดิม พบมาตั้งแต่ ค. ศ.1918-1919 ในช่วงที่ไข้หวัดใหญ่สเปน (Spanish Flu) ระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก จนมีผู้เสียชีวิตประมาณ 50 ล้านคน ส่วนใหญ่อายุ 20-40 ปี และตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป จากนั้นโรคไข้หวัดหมูได้แพร่ระบาดในช่วงต่างๆ ก่อให้เกิดโรคในคนอยู่มากกว่า 50 ราย โดยผู้ป่วย 61% มีประวัติสัมผัสหมู และมีอายุเฉลี่ย 24 ปี หลังจากนั้นใน ค.ศ.1974 ไข้หวัดหมูได้แพร่ระบาดในค่ายทหาร (Fort Dix) ที่รัฐนิวเจอร์ซี่ มีผู้ป่วย 13 ราย เสียชีวิต 1 ราย โดยที่อีก 230 ราย ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ หรือมีอาการแต่น้อยมาก ทั้งหมดนี้ไม่มีประวัติสัมผัสหมู ซึ่งแสดงว่าน่าจะมีการพัฒนาจนมีการติดต่อจากคนสู่คน ต่อมาใน ค.ศ.1988 หญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งเสียชีวิตในรัฐวิสคอนซิน และมีประวัติสัมผัสหมู จึงเกิดการสงสัยว่าไข้หวัดหมูอาจไม่ใช่พันธุ์หมูล้วน (classic H1N1) จนกระทั่งปี ค.ศ.1998 จึงพิสูจน์พบว่า หมูที่เลี้ยงในประเทศสหรัฐอเมริกา มีไวรัสไข้หวัดหมูกลายพันธุ์ โดยมีพันธุกรรมผสมระหว่างหมู คน และนก เกิดสายพันธุ์ผสม (Triple assortant virus) H3N2, H1N2, และ H1N1 (วารสารโรคติดเชื้อ JID 2008) และสายพันธุ์ผสมนี้ยังพบได้ในเอเชีย และแคนาดา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น